กระทั่งเวลา 16.30 น. จนท.ตร.และอาสาฯกู้ภัย จึงได้รับเบาะแสจากชาวบ้านว่า บริเวณร่องน้ำหลัง รร.บ้านซำภู ซึ่งเป็นป่าทึบ มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาเป็นระยะ จึงได้เดินทางเข้าไปเรื่อยๆ จนพบศพที่คาดว่าน่าจะเป็นศพของน้องวิศ ในสภาพเน่าเฟะและกระดูกโผล่ขาวโพลน จึงได้นำศพออกมาให้ จนท.ตร.และแพทย์เวร ชันสูตรศพร่วมกัน
ต่อมาช่วงดึกของคืนวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนนายสนั่น อายุ 61 ปี ผู้เป็นตาของหนูน้อย โดยสอบเครียดอยู่หลายชั่วโมง กระทั่งนายสนั่นรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือฆ่าน้องวิศเอง
โดยนายสนั่น ให้การว่า ในวันเกิดเหตุ ช่วงเย็นของวันที่ 11 ส.ค. ขณะที่ยายของเด็ก ออกไปซื้อของที่ตลาด ส่วนตนนั่งไกวเปลหลานคนเล็ก ซึ่งนอนหลับอยู่ในเปล ส่วนน้องวิศได้ร้องไห้กระจองอแงอยู่ตลอดเวลา บอกอย่างไรก็ไม่หยุดด้วยความโมโห ประกอบกับความเครียดที่มีต่อลูกสาวที่ไปทำงานกรุงเทพฯ แล้วทิ้งลูกไว้ให้ตนเลี้ยงถึง 4 คน โดยที่ลูกคนอื่นๆ ในหมู่บ้านที่เขาไปทำงานกรุงเทพฯ กลับมาบ้านซื้อข้าวซื้อของมาให้ทางบ้าน
แต่ลูกสาวตนกลับทิ้งลูกให้เป็นภาระ จึงเกิดความโมโห ตรงเข้าบีบคอ กระทั่งเด็กเสียชีวิต ด้วยความกลัว ตนจึงนำศพไปทิ้งไว้ที่กลางเขา ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร จากนั้นได้กลับมาบ้าน เมื่อยายของเด็กกลับมาจึงแกล้งทำทีหาหลานไม่เจอ จึงได้ให้ชาวบ้านมาช่วยกันค้นหาในสระน้ำ
ตนก็อาศัยช่วงชุลมุนประกอบกับเป็นเวลาค่ำ ตนจึงทำทีเป็นเดินหาเด็กแล้วก็แอบเอาศพไปทิ้งในร่องน้ำ ซึ่งลึกเข้าไปในป่าอีกเกือบ 1 กิโลเมตร จากนั้นก็กลับออกมาแสร้างทำทีว่าหาหลานไม่เจอ กระทั่งหลายวันผ่านไป เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านก็ยังระดมค้นหาจนในที่สุดก็พบศพดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้องหาฆ่าคนตายโดยเจตนา อำพรางเคลื่อนย้ายศพ และแจ้งความเท็จ จากนั้นได้ควบคุมตัวนายสนั่น ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพท่ามกลางประชาชนมาเฝ้าดูนับพันคน พร้อมทั้งตะโกนสาปแช่งต่างๆ นานา โดยต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย มาคอยควบคุมสถานการณ์ เพราะเกรงว่าจะเกิดการทำร้ายผู้ต้องหา แต่การทำแผนก็ผ่านไปด้วยดี โดยไม่มีเหตุร้ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านกลาง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้นำศพที่เหลือแต่โครงกระดูก ซึ่งพบหลังจากการค้นหา ‘น้องวิศ’ เด็กชายวัย 2 ขวบ โดยสภาพเหลือแต่โครงกระดูก คาดว่าน่าจะเป็นศพของเด็กชายที่หายตัวไป โดยพบในร่องน้ำบนเขาซำภูห่างจากหลังโรงเรียนบ้านซำภูประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร
โดยสภาพศพที่เหลือแต่โครงกระดูกและหัวกะโหลก ทำให้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นศพของเด็กชาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจเพราะมีเสื้อและกางเกงของเด็กชายติดอยู่ครบ แต่ต้องรอให้ญาติมาชี้ก่อนว่าใช่ศพของเด็กชายหรือไม่ และต้องนำศพส่งไปพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดพิษณุโลกเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.ปริญญา วิศิษฎ์ฐากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ดูจากสถานที่ ซึ่งพบศพเป็นป่าและเขาที่สูงชันมาก เด็กอายุ 2 ขวบ ไม่สามารถที่จะปีนป่ายแหวกพงหญ้าขึ้นมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้ ดังนั้นจึงน่าจะเป็นการถูกฆาตกรรมมาจากที่อื่นแล้วคนร้ายนำศพมาทิ้งเพื่อเป็นการอำพรางคดีอย่างแน่นอน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งทำการสอบสวน เพื่อหาตัวคนร้ายที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
